พันธมิตรนอกทำเนียบ

ช่วงนี้คุยกับหลายๆ คนที่บอกว่าตัวเองเป็นกลาง ไม่เชียร์ข้างใดข้างหนึ่ง ไม่ว่าพันธมิตร หรือรัฐบาล ฟังแล้วก็สะกิดใจเล็กน้อย จึงอยากเขียนอธิบาย (ปลุกระดม) ให้ตื่นตัวว่ามันไม่น่าจะมีจุดยืนตรงกลางได้ ส่วนตัวผมจะเชียร์ข้างไหนนั้น ให้ผู้อ่านไปเดาเอาเองละกัน

และอาจรวมไปถึงการแก้รัฐธรรมนูญให้เกิดผลประโยชน์ต่อร้ฐบาลและ "ผู้มีบารมีเหนือกฎหมาย (เพราะหนีหมายศาล)"
ก่อนอื่นเราควรมาคิดว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หากข้างหนึ่งข้างใดชนะ ขอเริ่มจากท่านป๋าหมักก่อนละกัน หากรัฐบาลชนะ นั่นคือได้อยู่ในอำนาจต่อ และสลายการชุมนุมได้นั้น ก็จะเป็นป้จจัยที่นำมาอ้างได้ว่าการบริหารประเทศนั้นมีความชอบธรรม และอาจรวมไปถึงการแก้รัฐธรรมนูญให้เกิดผลประโยชน์ต่อร้ฐบาลและ "ผู้มีบารมีเหนือกฎหมาย (เพราะหนีหมายศาล)" ซึ่งผมเปรียบเหมือนคนเล่นไพ่ที่พอเห็นตัวจะแพ้ก็เปลี่ยนกฎใหม่ซะกลางเกมอย่างนั้น... เล่นกับคนอย่างนี้โดนมันกินเงินหมดเนื้อประดาตัวครับ

ในระยะยาวประเทศชาติก็จะตกอยู่ใต้กลุ่มอำนาจนี้ เพราะเขาคุมระบบบริหาร นิติบัญญัติ การเงินของประเทศได้เกือบหมดแล้ว แก๊งกินสะพัดมันก็กลับมาบริหารด้วยวิธีเดิมๆ คือเอาเงินแจกประชาชนรากหญ้าอย่างไม่คิด ไม่มีการวางแผน อนุมัติโครงการเมกะรวยให้พรรคพวกประมูลกันเอง กินกันเอง แบบว่ากินกันทั้งขึ้นทั้งล่อง แล้วพอเงินหมดคลังก็เอาสมบัติของประเทศมาขายทีละชิ้น เริ่มจากปตท. หวยบนดิน (อันนี้ถ้ามองดีๆ คือการให้รัฐเปิดบ่อนถูกกฎหมาย แล้วเอาเงินไปใช้แบบไม่ต้องผ่านการพิจารณางบประมาณ คือเงินได้เปล่าของร้ฐบาลนั่นเอง) ต่อไปจะเป็นอะไรล่ะครับ? การไฟฟ้า? องค์การโทรศัพท์? การรถไฟ? ผมไม่ได้ต่อต้านการแปรรูปร้ฐวิสาหกิจนะครับ เพราะในบางกรณีนั้นก็มีประโยชน์จริง... แต่วิธีการใช้เงินคล้งอย่างสุรุ่ยสุร่าย พอหมดแล้วก็ขายสมบัติชาติเนี่ย มันถูกแล้วเหรอ? เอาละ ไอ้ผมมันก็ไม่เจนจัดทางด้านนโยบาย ไม่อยากวิเคราะห์อย่างถูกๆ ผิดๆ แต่การที่รัฐบาลไม่ตอบข้อกล่าวหาของพันธมิตรเรื่องเหล่านี้เลยมันถูกเหรอ? เราเลือกท่านไป แปลว่าเรายอมให้ท่านทำอะไรกับประเทศของเราก็ได้เป็นเวลาสี่ปีเหรอ?

แต่ตามมารยาทแล้ว มันงามเหรอที่ท่านจะเกาะเก้าอี้ต่อ ประเทศไทยมีคนมีความสามารถแค่นี้เหรอ
ทีนี้มาดูกันบ้างว่าหากพันธมิตรชนะ (รัฐบาลลาออก) จะเป็นอย่างไร กรณีนี้มองยากครับ เพราะมันมีหลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะลาออกเฉยๆ หรือยุบสภา แต่อย่างหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ จะเป็นการยกระดับการเมืองของประเทศไทย ท่านผู้อ่านเคยอ่านข่าวการเมืองญี่ปุ่นไหม? ที่ว่าพอมีข้อกล่าวหาว่าคอร์รับชั่นแล้วรัฐมนตรีของเขาจะลาออกภายในระยะเวลาอันสั้น ถือเป็นการแสดงสปิริต แล้วดูอย่างท่านป๋าหมัก กับคณะร้ฐมนตรีของท่านสิ หาคนที่ไม่มีคดีติดตัวยังยากเสียกว่า แล้วท่านทำอย่างไร? ก็ช่องกฎหมายมันมีให้นี่ กูจะอยู่ต่ออ่ะทำไม ตราบใดที่ศาลไม่มาไล่กูออก กูก็จะกินต่ออ่ะ มีปัญหามั้ย? แล้วพอศาลจะตัดสินคดีก็ขอเลื่อนแล้ว เลื่อนอีก ตัดสินเสร็จก็อุทธรณ์ ฎีกา ไม่ได้ว่ามันผิดนะครับ เพราะตามระบบแล้วท่านก็สามารถอุทธรณ์ ฎีกาได้ แต่ตามมารยาทแล้ว มันงามเหรอที่ท่านจะเกาะเก้าอี้ต่อ ประเทศไทยมีคนมีความสามารถแค่นี้เหรอ จึงไม่สามารถหาคนไม่มีคดีมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้? เกริ่นมาซะยาว สรุปก็คือมันเป็นการสร้างบรรทัดฐานให้การเมืองไทย ว่าถ้าท่านขี้เหร่จริงก็ควรพิจารณาตัวเองนะ ว่าถ้ามีประชาชนเป็นแสน รัฐวิสาหกิจขู่จะหยุดงาน ท่านไม่ควรบอกว่ามีคนแค่หยิบมือ ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน...

จะปล่อยให้ประเทศนี้เข้าสู่วัฎจักรเสื่อม ที่อำนาจ การเงินทั้งหมดในประเทศอยู่ในกำมือของคนไม่กี่ตระกูลเหรอ?
หากพันธมิตรชนะ ผมไม่สามารถพูดได้เต็มปากหรอกว่าการโกงมันจะหมดไป ร้ฐบาลต่อๆ ไปจะขาวสะอาด... ผมได้แต่หวัง ว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเมืองยุคใหม่ ที่มีจรรยาบรรณ... แต่มันช่างแตกต่างจากสถานการณ์แรก (กรณีที่รัฐบาลชนะ) อย่างสิ้นเชิง แล้วท่านจะยังเป็นกลางอยู่เหรอ? จะปล่อยให้ประเทศนี้เข้าสู่วัฎจักรเสื่อม ที่อำนาจ การเงินทั้งหมดในประเทศอยู่ในกำมือของคนไม่กี่ตระกูลเหรอ?

ก่อนจบขอยกตัวอย่างการเมืองอเมริกาเป็นอุทธาหรณ์ เมื่อปี 2000 การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่นายบุชแข่งกับนายกอร์ สูสีกันมากจนในที่สุดก็ตัดสินที่รัฐฟลอริดา โดยหลายคนเห็นว่าเป็นเพราะ "พวกสายกลาง" ที่เลือกผู้สมัครอิสระนายเนเดอร์ (คนพวกนี้ส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเดโมแคร็ดของนายกอร์) ผลสรุปนายบุชชนะด้วยคะแนนไม่กี่ร้อยเสียง... กล้บมาสู่โลกปัจจุบัน 8 ปีจากนั้น... นายบุชแทบจะเรียกได้ว่าเป็นประธานาธิบดีที่ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา ทำให้ประเทศขาดดุลการค้าอย่างมากมายเป็นประว้ติศาสตร์ นำประเทศไปสู่สงครามในอัฟกานิสถาน และอิรัค และยังเป็นที่เชื่อได้ว่าเขาเมินเฉยต่อรายงานเตือนถึงการก่อการร้ายที่เป็นชนวนของสงครามในครั้งนี้ อีกทั้งยังเมินเฉยต่อนักวิชาการที่เตือนถึงสถานการณ์โลกร้อน และเป็นประเทศหลักที่ทำให้สนธิสัญญาเกียวโตไม่ได้ผลตามที่ตั้งใจไว้...

อีกด้านหนึ่ง นายกอร์ ช่วยรณรงค์ในเรื่องสิ่งแวดล้อมจนเป็นที่ยอมรับ ได้รับรางวัลโนเบิลสาขาส้นติภาพ อีกทั้งช่วงที่เขาเป็นรองประธานาธิบดีของคลินตัน เศรษฐกิจอเมริกาก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ได้เปรียบดุลการค้าอยู่ตลอด... เพราะพวกสายกลางไม่กี่ร้อยเสียง... ทำให้บุชได้เป็นประธานาธิบดี จริงอยู่เราไม่รู้ว่าหากกอร์ได้รับเลือกเขาจะบริหารประเทศเช่นใด (เหมือนกับที่เราไม่รู้ว่าหากพันธมิตรชนะ การเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างไร) แต่ผมว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะแย่เท่าคุณบุช (การเมืองไทยคงไม่แย่, มีการแทรกแซงสื่อ องค์กรอิสระ ศาล, มีการโกงกินอย่างอิสระเสรี)...

แล้วท่านล่ะ อยากเห็นอนาคตแบบไหน?

2 comments:

  1. ทำไมบ้านเมืองเราไม่เคยสงบซักที
    เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่

    ReplyDelete