ถามเอง ตอบเอง (ภาคพันธมิตร forever)

ทำไมถึงเชื่อใจพันธมิตรขนาดนี้?
เพราะพวกเขาไม่มีอำนาจอยู่ในมือ (ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลมีทั้งอำนาจนิติบัญญัติและบริหาร) แต่ยอมเสี่ยงข้อหากบฎ, ติดคุก, การขู่ฆ่าจากฝ่ายตรงข้าม เพราะถึงแม้ว่าการเลิกชุมนุมมันจะง่าย และสบายกว่าเยอะ (อาจมีคนจ่ายเงินให้เลิกด้วยซ้ำ) เขาก็ทนลำบาก เพื่อยืนหยัดในอุดมการณ์ที่เขาเชื่อมั่น

ทำไมพันธมิตรถึงเรื่องมากนัก (ห้ามคนพปช. เป็นนายกฯ)?
เพราะสถานการณ์ตอนนี้อยู่ในจุดที่ล่อแหลมอย่างมาก หากยอมสลายตัวไป การจะสร้างฐานประชาชนใหม่ย่อมจะทำได้ยากขึ้น แถมแกนนำสำคัญๆ ก็คงติดคดีทำให้ออกมาเคลื่อนไหวได้ลำบาก สิ่งนี้อาจทำให้เกิดช่องที่รัฐบาลจะใช้แก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออนุมัติโครงการใหญ่ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนการดาวน์บ้าน อันมีผลระยะยาว ประเทศ, รัฐบาลยุคต่อๆ ไปต้องคอยผ่อนจ่าย โดยผู้ที่อนุมัติรับหัวคิวไปเต็มๆ ไม่ต้องมานั่งห่วงว่าจะจ่ายอย่างไร

แล้วจะเอายังไง?
สถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ อำนาจนิติบัญญัติ, บริหารอยู่ในมือของนักการเมืองยุคเก่า ที่เห็นการเมืองเป็นธุรกิจ เมื่อลงทุนไปก็ต้องถอนทุนคืน (หลายพันเท่า) หากปล่อยให้ฝ่ายตุลาการโดนครอบงำไปด้วยย่อมเท่ากับอำนาจเบ็ดเสร็จในประเทศกลายเป็นของนักธุรกิจการเมืองกลุ่มนี้... ปัญหาคือทำอย่างไรจึงจะออกจากวงจรนี้ได้?

นักธุรกิจการเมืองกลุ่มนี้ก็กำลังเข้าไปแทรกแซงระบบสำคัญๆ ของประเทศ
ข้อหนึ่งคือรอให้อำนาจตุลาการค่อยๆ ล้างระบบนี้ออกไป โดยลงโทษนักการเมืองที่เข้ามาเพื่อแสวงหาประโยชน์จากสมบัติของชาติ แต่ระหว่างนั้น นักธุรกิจการเมืองกลุ่มนี้ก็กำลังเข้าไปแทรกแซงระบบสำคัญๆ ของประเทศไม่ว่าจะเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ, ตลาดหุ้น, ธนาคารแห่งประเทศไทย, การโยกย้ายข้าราชการชั้นผู้ใหญ่, การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ฯลฯ นั่นคือเหตุผลที่เรารออำนาจตุลาการอย่างเดียวไม่ได้ ตัวอย่างหนึ่งในโลกของธุรกิจ IT คือกรณีของ Internet Explorer (IE) กับ Netscape ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้กันในศาล เรื่องความได้เปรียบของ IE ที่พ่วงไปกับระบบ Windows กว่าที่ศาลจะตัดสินว่า IE ผิด และให้แยกระบบ IE ออกจาก Windows นั้น Netscape ก็ได้สูญเสียฐานลูกค้า จนไม่สามารถฟื้นตัวได้...

แต่การเมืองไทยก็เป็นอย่างนี้มานานแล้วนี่?
ผมว่าไม่จริงครับ การเมืองไทยเพิ่งจะมีพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากแบบสมบูรณ์แบบก็สมัยคุณทักษิณนี่แหละครับ แต่ก่อนรัฐบาลผสมจะโกงกิน โยกย้ายก็มักขัดขากันเอง ทำให้การรวบอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเป็นไปได้ยาก

ปล่อยให้มันรวบอำนาจไปไม่เห็นเป็นไรเลย ขอให้เศรษฐกิจเดินไปได้ก็พอ
เมื่อคนโกงได้เป็นใหญ่ คนดีๆ คนซื่อตรงจะอยู่ไม่ได้
อันนี้เป็นวิธีคิดที่อันตรายมากครับ ประการแรกคือเมื่อคนโกงได้เป็นใหญ่ คนดีๆ คนซื่อตรง ทำงานตรงไปตรงมาจะอยู่ไม่ได้ พวกโกงก็จะสนับสนุนพวกโกงด้วยกันขึ้นมาบริหารบ้านเมือง กลั่นแกล้งคนดีไม่ให้ได้ก้าวหน้า จะค้าขาย ทำกิจการอะไร ก็ต้องมีใต้โต๊ะ ส่งส่วยให้ผู้มีอำนาจ เงินภาษีที่จ่ายไปก็เหมือนส่วยดีๆ นั่นเอง สังคมอย่างนี้น่าอยู่เหรอครับ?

ข้อที่สอง หากเขายึดอำนาจเบ็ดเสร็จแล้ว ถามว่าระหว่างประโยชน์ส่วนรวม กับประโยชน์ส่วนตน จะเลือกอะไร? เช่น การอนุมัติขึ้นค่ารถเมล์ ถ้ากิจการรถเมล์เป็นของเขา เขาก็อนุมัติให้ขึ้นอย่างแน่นอน, หรือระบบสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า, น้ำมัน, มือถือ) ถ้าต้องการจะสูบเงินกันจริงๆ ก็ออกกฎหมายให้เป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจได้ โดยผลเสียตกอยู่กับประชาชน

วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ขณะที่ธนาคารล้มละลายกันเป็นแถว แต่มีกลุ่มคนที่รู้ล่วงหน้า โยกย้ายเงินเอาตัวรอด
อีกประการหนึ่ง คนที่ทำเพื่อเงิน หากเงินหมดไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นละครับ? คนพวกนี้เร่งสร้างโครงการใหญ่ๆ อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง คิดเพียงว่าขอได้ค่าหัวคิวเป็นพอ คนที่เป็นหนี้ต้องคอยผ่อนจ่ายโครงการเหล่านี้ก็คือประเทศชาติ ทีนี้ถ้าเงินเราหมด แล้วไม่มีใครให้เรากู้ต่อแล้วล่ะ (พูดแล้วนึกถึงตอม่อโครงการโฮปเวล)? อันนี้อาจไม่ไกลเกินจริงนะครับ เมื่อดูจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซาแล้ว ถ้าเงินหมดเขาก็หนีเอาตัวรอดสิครับ! จำวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ได้มั้ยครับ ที่ธนาคารล้มละลายกันเป็นแถว ค่าเงินตก ทำให้น้ำมันแพงขึ้น ค่าครองชีพก็สูงขึ้น แต่กลับมีกลุ่มคนที่รู้ล่วงหน้า โยกย้ายเงินเอาตัวรอดไว้ก่อนแล้ว ถ้าปล่อยให้คนพวกนี้ใช้เงินไม่คิด วิกฤตแบบนี้ก็อาจเกิดขึ้นอีกได้ครับ

อืมม... ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอ่ะนะ แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ?
เราต้องสู้ครับ ไม่ให้เขารวบอำนาจได้
เราต้องสู้ครับ ต้องพยายามขัดขืน ไม่ให้เขารวบอำนาจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแต่งตั้งบอร์ด, ผู้บริหารองค์กรสำคัญในบ้านเมือง โดยระหว่างนี้ก็รอการตัดสินของศาล ที่กำลังพิจารณาคดีอภิมหาโกง ที่ว่ากันว่าโกงได้อย่างล้ำลึก, ซับซ้อนที่สุดในโลก เพื่อค่อยๆ ล้างนักธุรกิจการเมืองเหล่านี้ออกไปจากระบบ แต่ระบบนี้มันหยั่งรากลึก คงกำจัดไม่ได้ภายในเวลาอันสั้น ก็ต้องอดทน เสริมสร้างระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง, เพิ่มความตื่นตัวของประชาชน การเคลื่อนไหวนอกสภาก็เป็นส่วนสำคัญครับ เพราะเขายึดระบบสภาไว้ได้แล้ว (จะอภิปรายไม่ไว้วางใจกี่ครั้ง ถ้าด้านซะอย่างก็ไม่ออกหรอกครับ) เพื่อให้คนเหล่านี้รับรู้ว่าประชาชนจำนวนมากตื่นตัวแล้ว และการกระทำทุกอย่างต้องตรวจสอบได้ ไม่ใช่ไปเซ็นข้อตกลงร่วมอะไรมาก่อน แล้วค่อยมาบอกกัน...

สุดท้ายก็ขอคารวะพันธมิตรจากใจจริง ก็ขอให้สู้ต่อไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศนะครับ

No comments:

Post a Comment