เมื่อคุณกรณ์เขียนมา ด้วยสัญชาตญาณนักเลือกตั้ง ทักษิณก็ออกมาตอบโต้ แต่ถ้าอ่านคำตอบโต้ทักษิณดูดีๆ แล้ว จะเห็นว่ามันยิ่งแสดงให้เห็นตัวตนอันขี้เหร่ของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น
คำพูดของทักษิณคัดมาจากบทความในหนังสือพิมพ์มติชนจากการออกอากาศพีเพิลชาแนล
วันนี้นายกรณ์บอกถ้าเป็นผม จะยึดให้หมด แต่ตอนพ่อนายกรณ์ขายหุ้นเจเอฟธนาคม (บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เจเอฟธนาคม กว่า 6 ล้านหุ้น เมื่อปี 2543) พ่อนายกรณ์ก็ไม่ได้เสียภาษี มีการรายงานมา ไม่เชื่อลองถามเนวิน (ชิดชอบ แกนนำกลุ่มเพื่อนเนวิน) แต่วันนี้เป็นพวกเดียวกันแล้ว
ประเด็นแรกที่อยากจะตั้งคำถามคือถ้าทักษิณรู้อยู่แก่ใจว่า บิดาคุณกรณ์หลีกเลี่ยงภาษีเมื่อปี 2543 แล้ว (ซึ่งจากความน่าเชื่อถือของทักษิณแล้ว อาจเป็นเพียงการกล่าวหาลอยๆ ก็ได้) ทำไมทักษิณ ซึ่งเข้ามาเป็นนายกฯ เมื่อต้นปี 2544 จึงไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ทำไมจึงเพิ่งยกมาพูดในช่วงนี้ (ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลคร่าวๆ บนเน็ตเข้าใจว่าคดีภาษีมีอายุความ 10 ปี นั่นคือใกล้จะหมดอายุความแล้ว) อย่างนี้เข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่?
อีกประเด็นคือ เมื่อไปเทียบกับข้อความในบันทึกคุณกรณ์ที่เขียนไว้ว่า (สมัยเป็นฝ่ายค้าน ขุดคุ้ยข้อมูลการซุกหุ้นของทักษิณ)
ผมจำได้ว่าความร่วมมือโดยหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบได้มาด้วยความยากเย็น ซ้ำแล้วยังมีความพยายามขุดคุ้ยว่าผมเคยมีพฤติกรรมอันใดในสมัยที่ผมยังอยู่ในวงการหุ้นที่จะเป็นจุดอ่อน ที่จะให้กับฝ่ายตรงข้ามหรือไม่และเจ้าหน้าที่สรรพากรเองก็แอบปล่อยประวัติภาษีผม (ซึ่งเป็นความลับ ส่วนตัว) ให้กับ ส.ส.ไทยรักไทย ก็โชคดีที่ผมไม่เคยทำอะไรไว้ให้ตัวเองมีแผลแต่ญาติในตระกูลเกือบทุกคน โดนข่มขู่หมดในระยะนั้น
ก็จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ทักษิณพูดถึงนั้น เป็นข้อมูลที่กะไว้ใช้เพื่อข่มขู่ กลั่นแกล้งคุณกรณ์ที่พยายามขุดคุ้ยขบวนการซุกหุ้นของทักษิณมาเปิดเผย
ก็คิดว่าคำพูดและการกระทำของทักษิณก็คงเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจนแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างไร มีทัศนคติต่อกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมอย่างไร ถ้าพี่น้องเสื้อแดง (ซึ่งเป็นสีที่ผมชอบมาก...) ยังจะนำพาคนๆ นี้กลับมาเป็นนายกฯ ผมก็คงต้องเก็บข้าวเก็บของหาแผ่นดินใหม่อยู่แล้วล่ะ... (ดูไบจะมีตะไคร้ไว้ใส่ต้มยำกุ้งหรือเปล่าเนี่ย?)
ง่า
ReplyDeleteแอนอาเบ้อยังมีใบมะกรูดขายเลยพี่
ย้ายมาไหม?